Saturday, January 13, 2007

บทนำ

ใต้ร่มเงาแห่งวิถีตะวันออก เรามองเห็นความเป็นชีวิตที่หลากหลายและเข้ากันได้ดีกับธรรมชาติ เนื่องเพราะโลกใบนี้คือมวลของธรรมชาติอันจริงแท้จึงจำเป็นจะต้องมีผู้เดินเคียงคู่ไปกับวิถีที่เป็นอยู่ติดกับความเป็นธรรมชาติอย่างเป็นธรรม มีความเป็นพี่น้อง เป็นคนรัก มีความเอื้อเฟื้อ แบ่งปันและไปมาหาสู่ ทั้งหมดทั้งมวลที่รวมอยู่ในเรื่องนี้ ได้ฉายฉากของภาพที่เป็นส่วนใหญ่แห่งวิถีคิด วิถีดำเนินชีวิตภายใต้ความเชื่อตามปรัชญาตะวันออก โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นอยู่ ตั้งแต่เกิด เติบโต แก่ ตาย กระทั่งภายหลังความตายนั้นเสียอีก การหยิบยกเอาความงามที่ยังคงมีอยู่ในธรรมชาติ ทั้งด้านในและด้านนอกมนุษย์ที่เชื่อมโยงยึดอยู่กับธรรมชาติจริง ล้วนเป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลในความเป็นตะวันออก ยิ่งทุกวันนี้สังคมโลก กำลังเหลียวมอง กำลังเพรียกหาหนทางก้าวย่างของชีวิตอันพร้อมถึงความสงบและสันติ ทั้งยังใฝ่ถึงความยิ่งใหญ่ในเบื้องหลังความตายอันลึกล้ำนั้นอีก จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า วิถีแห่งความเป็นตะวันออกจะมีแต่ความแพร่หลาย กลายกลับการพัฒนาที่เลวร้ายในโลกวัตถุนิยมของมนุษย์ที่เคยลุ่มหลงไปสู่สัจธรรมตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดที่ได้รวบรวมมานี้จะยังมิอาจคลอบคลุมความตั้งใจได้ทั้งหมดนัก แต่อย่างน้อยคงทำให้เห็นเป็นประกายวาววับอยู่บ้างเพื่อการสานต่อเติมเต็มหนทางแห่งร่มเงาวิถีตะวันออกเป็นลำดับต่อไป


จากใจผู้เขียน
กรโกศล
27 ธันวาคม 2549

ในสัญญา

ในสัญญากรรมปกติ
ก่อนพระอาทิตย์ลับเลือนหาย
ไปจากขอบฟ้าเบื้องทิศตะวันตก
การมาเยือนของม่านฟ้าสีใหม่
จะมีการแปรเปลี่ยนไปทีละนิด
ดังมายาภาพที่นำมาเล่าซ้ำ
หมุนไปไม่นานก็วกคืนกลับมาอีก
เวิ้งทวารแห่งทิวเขาเบื้องนั้น
เปิดประตูกลืนความสว่าง
ให้ราแสงอับลงเรื่อยเรื่อย
เพื่อเขียนคำศักดิ์สิทธิ์ไว้กับมนตราแห่งค่ำคืน
เงาวาวในลำธารสีเงิน
กลายมาเป็นพยานของแสงกลางคืน
ปล่อยให้หมื่นชีวิตติดจมกับอยู่ปัญหา
ที่ไม่อาจขบคิดแก้ได้
ตราบเท่าชีวิตตัวเองจะถูกกลืนกินเสียเอง
ไปกับความไม่รู้เหล่านั้น
ขณะ ณ ราตรีกาล
ในห้วงแห่งทวารของหุบเขายังเปิดอ้า
หรือแม้แต่แสงจ้าใต้ดวงตะวัน
ฉายส่องให้เห็นทุกความเป็นธรรม
ในสัญญากรรมเช่นนี้

เรื่องราวริมแม่น้ำเก่าแก่

ต้นไม้ริมลำธาร
บนถนนสายเรียบริมแม่น้ำเก่าแก่
ในเมืองที่มีความเป็นมา
รายหลากไปด้วยพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์
จากนี่ไปถึงอีกร่วมสี่กิโลเมตร
นับจำนวนอารามโบราณได้เป็นสิบขึ้นไป
วิญญาณแห่งสถูปและวิหาร
คงหลับใหลให้หลังไปนานแล้ว
เพียงแต่เราไม่ทราบวันเวลา

ในห้วงบ่ายอันสงบ
ฉันนั่งและนอนอยู่ใต้ความร่มรื่นนี้
ยังแว่วยินวิญญาณที่เคยหลับใหล
โหยหวนอยู่ในความเดียวดายอันเป็นนิรันดร์

Last posts