Tuesday, November 28, 2006

เมฆครึ้มรวมตัวกันอยู่ด้านบน
สะท้อนแม่น้ำเป็นเงาดำทะมึน
ฉันเฝ้าดูอยู่ครู่เดียว
ใต้ร่มเงาไม้เขียวริ่มฝั่ง
ฉับพลันทันใด
เมฆเคลื่อนคลี่กระจายไปทั่วฟ้า
มีบ้างลิ่วละล่องเป็นรูปรอย
ตามทิศทางแห่งสายลมบน
ในแดดบ่ายของห้วงทิวาวาร
แว่วยินเสียงกระซิบของเธอ
คล้ายรำพันถึงความเป็นอยู่
"ในใจน้ำไหลเอื่อยเชื่อยช้า
ในใจเมฆลิ่วลอยรื่นรมย์"
ฉันไพล่คิดไปถึงใครคนหนึ่ง
ผู้มีจิตใจเยือกเย็น
และไกลกว้างดั่งน้ำในทะเล
แม้ในยามทุกข์ร้อนของคนอื่น
เพราะเธอคือความนิ่งสงบ
คือพลังและความงดงาม
พี่ชายของฉันเคยเล่าให้ฟัง
ว่าแม่น้ำเป็นได้ในทุกสิ่ง
ไม่เว้นเมฆขาวลอยเบา
หรือหมู่เมฆดำหนาเหล่านั้น

Tuesday, November 21, 2006

ความมืดของค่ำคืน
เนื่องนานมาแล้ว
สว่างจ้าด้วยแสงตะเกียงเพียงดวงเดียว
ฉันจดจำได้มั่น
ว่าใต้คางเล็กแหลม
ของฉันคืนนั้น
คือสมุดฝึกเขียน
ตัวหนังสือแรกของฉัน
ค่อยค่อยย่างเหยาะเตาะแตะ
คลานตามกันออกมาอย่างเริงร่า
ผ่านทางสายตาแป๋ว
พวกมันแลดูอ่อนวัยไร้เดียงสา
ราวลูกนกตัวแดงแดงอยู่ในรัง
ต่อหน้าดวงใจตัวเอง
ฉันเฝ้าดูพวกมันอยู่ชิดใกล้
ในยามค่ำคืนสว่างไสว
ด้วยแสงตะเกียงเพียงดวงเดียว

Sunday, November 19, 2006

เพียงสองมืออ่อนนุ่มของเธอ
ยื้อดอกแคสีขาวลงมาต่ำ
ในสวนเขียวของเรา
ฉันแลไปเห็นบ้านหลังที่เราเพิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่
เห็นดวงใจทุกดวงเบิกบาน
นานหลายปีมาแล้ว
เลยจากลานหลังบ้านไป
แคหลายต้นยืนเด่นเป็นทิว
รายเรียงอยู่ริมรั้วธรรมชาติ
แทรกปนด้วยพืชพรรณเล็กเล็ก
จำพวกผักสวนครัว
เธอคลี่ยิ้มพิมพ์ไว้กับมัน
ปล่อยลมหายใจอบอุ่นของเธอ
แผ่ผ่านมาถึงฉัน
คล้ายว่าฉันได้ยินเสียง
แว่วมาพร้อมสายลมอุ่นนั้น
"พืชพรรณคือการเบ่งบาน
พืชพรรณกับชีวิตเราคือหนึ่งเดียวกัน
และเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดิน"
ฉันไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเช่นใด
เพียงแต่คล้ายว่าฉันได้ยิน
มาจากเธอเช่นนั้น

Wednesday, November 15, 2006

















เหมือนนกเปลี่ยวตัวหนึ่งถลาร่อนลงสู่ผืนแผ่นดินเก่าแก่
บทเพลงท่วงทำนองโบราณได้ขานขับขึ้นอีกครั้งในห้วงคำนึง
สายลมฤดูหนาวชำแรกผ่านเข้าสู่ใต้เรียวปีก
เปิดแววตาทอดมองออกไปไกล
สู่ห้วงวัยเยาว์สีหม่น
แม้ไม่สนิทใจนัก แต่กลับดำดิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน



กาลเวลากัดกร่อนรูปนามของตัวเอง
พร้อมๆ กับความเศร้ากระจายตัวรอบๆ ขั้วหัวใจอย่างเป็นจังหวะ
ชีวิตผ่านมาไกลเกินจะบินหวนกลับ
ในนามของสิ่งมีชีวิตและไม่มี
โอ...ในความเป็น-อยู่
โอ...ในความเป็น-อยู่

บางมนุษย์บนร่างเงาตะวันออก
อาจศรัทธาต่อความตายว่าเป็นของจริงแท้
ในสภาวะถูกกระทำย่ำยี
พวกเขาต้องป้องหน้าปิดตาด้วยสองมือที่มีอยู่ของตน
เพื่อคืนความอ้างว้างให้อบอุ่น
ระงับเหตุแห่งความโกรธเกรี้ยวทั้งมวล
ก้มหน้าสดุดีความตายและความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้น
ด้วยการนิ่งเฉย อย่างไม่ทุกข์ร้อน
ราวกับว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย...
พวกเจ้าจงแลดูเสียให้เต็มตา
การมิอาจขออุธรณ์หรือร้องทุกข์แทนต่อพระเป็นเจ้าทั้งหลาย
ไม่ว่าด้วยความเกรี้ยวกราดหรือหยาดน้ำตาที่ควรไหลหลั่ง
นอกจากเสียงกร่นด่าเพียงเบาๆ
อันเหือดหายไปกับสายลมแห่งฤดูกาล


พวกเขารับรู้...
มนุษย์พวกนั้นหาใช่ศรัตรูตัวจริงแต่อย่างใดไม่
พวกที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของประเทศมหาอำนาจเหล่านั้น
หาใช่ศรัตรูตัวจริงแต่อย่างใดไม่

ดาวสะท้อน
กลับย้อนเยือนไปอยู่ในเยาว์ของชีวิต
ฤดูหนาวอันอ่อนไหว
หัวใจอันอ่อนโยน
คืนกลับมาอีกครั้ง
ที่ท้องทุ่งนาในค่ำคืนแรม
เนื่องนานนับสิบยี่สิบปี
ที่เราเคยอยู่ร่วม
ถนนสายนั้นมีสิ่งใด
ฉันไม่เคยคิดถึงสิ่งอื่น
ณ ขณะห้วงยามนั้น
ในท้องทุ่งที่มีค่ำคืนดาวไสว
ของฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลของเรา
เหมือนฉันไม่เคยโต
เมื่อนึกถึงยามอยู่บนหลังของเธอ
ฟังเธอเล่านิทานดวงดาว
ดุ่มเดินไปตามถนนสายอันมืดมัว
สายหมอกโรยตัวตาม
อายเย็นปะทะผิว
เยือกสะท้านถึงขั้วหัวใจวัยเยาว์
กว่าจะถึงเพิงพักในไร่นา
ฉันเหลือบแลเห็น
ดาวสะท้อนในดวงตาของเธอ

Tuesday, November 14, 2006

สวนร้าง
กับการปรากฏขึ้นของรอยเท้าใคร
ตามทางเดินไปบนผืนหญ้ารก
ยังติดจมอยู่ในห้วงคำนึงแห่งฉัน
ใต้ร่มเงาเดียวดายแห่งนั้น
คล้ายแลเห็นสิ่งอัศจรรย์
ที่มีนามว่าชีวิต
มวลใบไม้ในอดีต
ปลิดตัวเองร่วงหล่นลงสู่ปัจจุบัน
เกลื่อนกระจายไปทั่วบริเวณ
ดอกของมันเคยขาวหอม
ส่งกลิ่นอวลเรียกแมลงมาเกาะ
นั่นเคยเป็นชีวิตของเธอ
เจ้าของดอกผลและเมล็ด
นั่นคือเหตุที่เราเคยอยู่ร่วม
ในยามที่ฉันฟังเธอขับคลอ
ลำนำแห่งสวนเขียว
ก่อนกาลก้าวไปสู่ความมืดมิด
เธอได้ขอฟังเพลงจากฉัน
บทเพลงแห่งความอาลัย
ฉันตั้งใจรับรู้
ถึงความเดียวดายของเธอ
ความหวาดผวาต่อความไม่รู้ของเธอ
ฉันเห็นแล้ว
จากดวงตาคู่นั้นของเธอ
โดยความจริงอันบริบูรณ์

Wednesday, November 08, 2006

ฉันยังคงจำได้
ว่าครั้งหนึ่งเคยเดินทางมาเพื่อเธอ
มาร่ายรำกับเธอในค่ำคืนอันเงียบสงัด
แม่น้ำใหญ่สายนั้นนิ่งสงบ
หลับสนิทอยู่เบื้องหลังเรา
เทือกเขาดำทะมึนทอดเงาไกล
ออกไปยังฝั่งตรงข้าม
ฉันยังจำได้
ครั้งหนึ่งเคยมาเพื่ออยู่กับเธอ
มาร่ำไห้กับเธอ
ในค่ำคืนแสงจันทร์สุดเศร้า
ดาวทุกดวงบนห้วงฟ้าพร้อมหน้าทอดอาลัย
ทางช้างเผือกลอยไหลรินน้ำตา
ฉันยังจำได้
ว่าครั้งหนึ่งเคยมาที่นี่
ที่ที่โอบกอดของสองเราหลอมละลาย
ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำ
ตรงม้านั่งตั้งวางไม่ไกลจากฝั่ง
ม้านั่งได้ปรากฏการจารึกชื่อ
"อุทิศแด่....ด้วยรัก"
"จาก....ผู้มีรักต่อเธอตลอดไป"
ฉันยังจำได้
เราเหลือเพียงความทุกข์เศร้าและรวดร้าว
ก่อนการจากไปของเรา ครั้งนั้น
ได้เพียงแค่กุมมือกันไว้อย่างนั้น
เนิ่นนาน
โดยมิอาจเอื้อนเอ่ยคำใด
ฉันยังคงจำได้

Tuesday, November 07, 2006

ม่านหมอกหลังภูเขาโรยตัวเป็นทางยาว
เสมือนหนึ่งในฉากนิยายโรแมนติก
ใบไม้ในสวนยังคงสีสันสดสวย
น้ำในลำคลองไหลเอื่อยสงบเย็น
ผ่านสวนเขียวของฉัน
ไหลลงไปตามความลาดชันของหุบไร่
สายน้ำไม่เคยย้อนหวนคืนคือจริงแท้
และสายน้ำไม่เคยซ้ำมาผ่านที่เก่า
ชีวิตชนบทปราศจากความรีบร้อนและเห็นแก่ตัว
อาจกลายเป็นแค่เรื่องเล่าของวันวาร
ขณะผู้คนเร่งรีบออกไปรับจ้างหาเงิน
พวกเขาต่างเห็นว่า
เงินเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต
ในขณะที่ความตายลดราความหมายลง
เหลือแค่ฉากหนึ่งของละครประจำวัน
ประจำเดือน ประจำปี
การตายของชายหนุ่มในวันนั้น
สร้างความครึกครื้นให้กับวงการพนันและเด็กหนุ่ม
เสียงร่ำไห้ของปวงญาติจำกัดอยู่แค่วันที่เขาจากไป
หลายสิ่งหลายอย่างแปรเปลี่ยนไปสิ้นแล้ว
วิถีชีวิตชนบท
เหมือนสายน้ำใดๆ ที่มิเคยย้อนหวนคืน

Thursday, November 02, 2006

ในเงาวาวระยับของน้ำค้างยามเช้า
สะท้อนเห็นรอยเท้าของใครบางคน
ผู้ดุ่มเดินอยู่บนถนนแห่งอดีต
ที่มิอาจหวนคืนกลับได้
แต่แท้จริงคือความงดงาม
เพราะเธอเป็นโลกของความสดใส
เป็นผู้มีใบหน้าเอิบอิ่ม
แย้มยิ้มของเธอ

แลดูราวดอกไม้กำลังเบ่งบาน
เธอได้สร้างความสุข

ให้แก่โลกของฉัน
ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้

Wednesday, November 01, 2006

ความหนาวเย็นกลายเข้ามา
เยือนอย่างแช่มช้า
ทว่าแทรกลึกซึมผ่านถึงขั้วหัวใจ
ในความเงียบสงบ
เงียบเงียบ ช้าช้า
เพียงเพื่อรอสายฝนผ่านเลย
สายลมหนาวก็โรยตัวตามจนทั่ว
ครอบคลุมอาณาเขตที่ฉันอยู่
ภาพภูเขาเบื้องหน้า

เลือนรางลงด้วยม่านหมอก
ไม่มีใครยอมตกอยู่

ในห้วงความเหงาได้นาน
ขณะเดียวกับการ

ไม่อยากได้ยินสรรพเสียงอึกทึก
เสียงนกร้องจิบจิบยามเช้า

คือความสุขอย่างหนึ่ง
เว้นแต่เพียงห่านหนุ่มผู้เดียวดาย
ที่ส่งเสียงโหยหวนหาเพื่อนของมัน
น้ำค้างชื้นบนยอดใบหญ้า
สะท้อนแสงแดดเป็นเงาวาว
ประกายเกร็ดระยับละอองรุ้ง
หรือนี่เพียงการอ่อนไหว

ของบางห้วงอารมณ์

Last posts